ประวัติและทฤษฎี
การจัดการตามแบบระบบราชการ (Bureaucratic
Management)
คาร์ล เอมิล มักซิมิเลียน "แม็กซ์" เวเบอร์ นักปราชญ์ที่มี
ชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ ที่มีความรอบรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ เช่น วิชากฎหมาย การเมือง
การปกครอง ประวัติศาสตร์ และเศรษฐกิจได้รับปริญญาเอกในสาขากฎหมายในปี ค.ศ. 1889 ด้วยวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของระบบยุติธรรมชื่อว่า ประวัติศาสตร์องค์กรธุรกิจยุคกลาง และได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการจัดการตามแบบระบบราชการ(เกิดในเมืองเออร์เฟิร์ตประเทศเยอรมัน: Karl Emil Maximilian"Max" Weber) (21 เมษายน ค.ศ.
1864 – 14 มิถุนายน ค.ศ.
1920) Max Weber อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย
เป็นลูกชายคนโตในครอบครัวที่มีบุตรเจ็ดคนของ มักซ์ เวเบอร์ ซีเนียร์ นักการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นคนสำคัญ
และมารดา เฮลีน ฟาเลนสไตน์ น้องชายของเขาอัลเฟรด เวเบอร์ก็เป็นนักสังคมวิทยาและนักเศรษฐศาสตร์เช่นเดียวกัน
ซึ่งในช่วงที่เวเบอร์เขียนหนังสือเล่มแรกที่เป็นความเรียง
เรื่อง The Protestant Ethic and the Spirit of Capitalism(จริยธรรมโปรเตสแตนต์และจิตวิญญาณแห่งทุนนิยม )
เขามีโอกาสเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา
และได้เห็นระบบนายทุน ในปี ค.ศ.1904 Weber ได้รับเชิญให้ร่วมประชุมที่ Saint Louis ซึ่งเป็นเรื่องของสังคมวิทยาของศาสนา
(Sociology of religion) และต่อมาได้นำเสนอแนวคิดการจัดองค์การ ที่เรียกว่า Bureaucracy ซึ่งอธิบายทฤษฎีเกี่ยวกับการครอบงำ (Domination) โดยเขาเห็นว่าผู้นำหรือนักบริหารจะบริหารงานให้มีประสิทธิภาพได้
ขึ้นอยู่กับการที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชายินยอมที่จะปฏิบัติตาม
และจะต้องมีระบบการบริหารมาดำเนินการให้คำสั่งมีผลให้บังคับได้
เป็นที่มาของการจัดการตามแบบระบบราชการในการทำความเข้าใจองค์การแบบระบบราชการนั้น
มีหลักการที่สำคัญดังนี้คือ (Hodge
Anthony & Gales อ้างในทองใบ สุดชารี, 2543 หน้า 5)
1.2.1
หลักของการแบ่งงานกันทำ (Division of
Labour) หมายถึง หลักในการสร้างความชัดเจน
และความสมดุลระหว่างอำนาจหน้าที่กับความรับผิดชอบโดยให้ถูกต้องตามกฎ ระเบียบขององค์การ
การแบ่งงานกันทำตามวิธีนี้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบที่เป็นทางการ
1.2.2 หลักของการกำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายการบังคับบัญชา
(Hierarchy of Authority) หมายถึง การกำหนดตำแหน่งต่างๆ ที่ให้อำนาจหน้าที่ลดหลั่นลงมาตามสายการบังคับบัญชา
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในสายการบังคับบัญชา
1.2.3 หลักของความสามารถ (Technical
Competency) หมายถึง หลักการสำคัญในการจัดบุคคล
เพื่อบรรลุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามหลักความรู้ความสามารถของบุคคล
โดยการใช้กระบวนการทดสอบ การฝึกอบรม
และการศึกษาของบุคลากร
1.2.4 หลักของกฎ ระเบียบ
ความมีวินัย และการควบคุม
(Rules, Disciplines and Control) หมายถึง
การบริหารงานโดยใช้กฎระเบียบเป็นหลัก และกำหนดรูปแบบไว้ให้ชัดเจนในการบริหาร
จะต้องยึดระบบเอกสารเป็นสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว
1.2.5 หลักของความเป็นกลางทางการบริหาร
(Administrative Officials) หมายถึง
ผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เป็นผู้ที่มีเกียรติ
มีอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบในการทำงานตามตำแหน่งนั้น
อุปกรณ์ และเครื่องมือจะอยู่คู่กับตำแหน่งไม่ใช่คู่กับบุคคล
1.2.6
หลักของการเป็นบุคลากรของฝ่ายบริหารและได้รับเงินเดือนประจำ (Career
Official and Fixed Salary) หมายถึง
ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารจะต้องเป็นบุคลากรประจำ มีการจ้างงานตลอดชีพ และจัดให้มีเงินเดือนประจำในอัตราคงที่ในแต่ละปี
: Gesamtausgabe (ฉบับรวมผลงาน) ,
ที่พิมพ์โดย มอห์ร ซีเบ็ค (Mohr Siebeck) ในเมืองทูบิงเกน ประเทศเยอรมนี.
: มรดกจากแม็กซ์
เวเบอร์,
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
มีคนไทยนำไปอ้างอิงการทำวิจัยเรื่องภาวะผู้นำและการบริหารของนายกเทศมนตรีในทัศนะของบุคลากรเทศบาลเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
มีคนไทยนำไปอ้างอิงการทำวิจัยเรื่องภาวะผู้นำและการบริหารของนายกเทศมนตรีในทัศนะของบุคลากรเทศบาลเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น